วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

[os] Outlaws of Love - #ถิงหยวน



















Oh, nowhere left to go
Are we getting closer? Closer?
No, all we know is "No"
Nights are getting colder, colder



















ตรอกแคบๆ ไร้แสงไฟ ปลายเท้าสัมผัสได้ถึงน้ำเฉอะแฉะที่ซึมจากพื้นเข้ามาในรองเท้าผ้าใบราคาถูกของเด็กหนุ่ม เขาแอบอยู่ตรงนี้ราวๆสิบนาทีเห็นจะได้ แอบอยู่หลังลังพลาสติกที่เรียงกันสูงเกือบสองเมตรหลังร้านอาหารหรูหราที่เขาแทบจะไม่เคยก้าวเข้าไปเพราะเป็นร้านสำหรับผู้ดีมีเงิน ด้านหลังของร้านแห่งนี้ไร้ผู้คน ใครกันจะเดินเข้ามาที่ๆทั้งเปลี่ยวและน่ากลัวขนาดนี้





เขามาตามหาพี่ชายที่ทำงานเป็นพนักงานประจำที่ร้านนี้ ยืนรอที่หน้าร้านจนคนเดินออกจากร้านจนหมด ไฟดับลงทุกดวงแล้วก็ยังไม่พบพี่ชาย พอเดินเรื่อยๆยังไม่ทันจะถึงจุดทิ้งขยะหลังร้านเขาก็ต้องหยุด เมื่อได้ยินเสียงสนทนาของคนสองคน หนึ่งในนั้นเป็นเสียงที่เขาได้ยินตั้งแต่จำความได้ หวังจุนไค พี่ชายคนเดียวของเขา ส่วนอีกคนก็เสียงคุ้นหูได้ยินครั้งล่าสุดก็เมื่อสองชั่วโมงก่อน เฉินเหว่ยถิง คนรักของเขา สองคนนั้นไม่ถูกกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หวังหยวนรู้เรื่องนี้ดี ถึงได้ปิดการแอบคบกันลับๆของเขากับเหว่ยถิงจากทุกคนบนโลกนี้






ความสัมพันธ์แสนหวาน ที่่ไม่หวานเหมือนนิยายที่พวกผู้หญิงชอบอ่าน หากแต่บางครั้ง มันลึกล้ำและชวนค้นหาเกินกว่าจะบรรยายได้ ยิ่งเมื่อเรื่องของเรามันลึกลับมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งน่าตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น






หวังหยวนคิดไม่ออกจริงๆว่าอะไรทำให้คนสองคนที่เกลียดกันมากๆมายืนคุยกันที่ตรงนี้ได้ มันดูไร้เหตุผลสิ้นดี แต่เขาเลือกที่จะเก็บความสงสายเอาไว้แล้วเงียบเสียงเพื่อที่จะฟังบทสนทนาของคนทั้งคู่










"กูขอเตือนว่าให้มึงออกจากชีวิตน้องกู เดี๋ยวความชั่วมันจะแปดเปื้อนน้องกู"







จุนไครู้เรื่องเขาแล้ว







"ตลกมากเลยที่มึงคิดว่ากูจะเชื่อฟังคำพูดจากคนอย่างมึง"








"คนอย่างมึงไม่ควรมายืนต่อปากต่อคำกับกูแบบนี้ด้วยซ้ำ" ชายหนุ่มในชุดบริกรเว้นจังหวะหายใจ "ควรจะลงนรกไปพร้อมนังลูซี่คนทรยศไปซะ"








ลูซี่  สาวลูกครึ่งผมบลอนคนนั้น อดีตคนรักของพี่ชาย จุนไคพูดถึงเธอราวกับว่าเธอไม่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้ว หวังหยวนรู้เพียงว่าพวกเขาเลิกกันแล้วเธอก็หายตัวไป เพิ่งจะรู้ตอนนี้เองว่าเธอตายไปแล้ว แล้วการตายของเธอเกี่ยวอะไรกับคนรักของเขากัน







"ก็ใครบอกให้มึงโง่ฆ่าเมียตัวเอง"








ฆ่า....









"เพราะนังนั่นมันหลงมึงจนยอมตายแทนมึงไงวิลเลี่ยม คนที่สมควรตายมันคือมึง" ทันทีที่พูดจบมีดทำครัวก็ถูกดึงออกมาใช้เป็นอาวุธ มีดที่เชฟเอาไว้หั่นผัก วันนี้คงได้ลองดื่มเลือดดูบ้าง










เด็กหนุ่มที่แอบดูอยู่ตกใจสุดขีด แต่ความกลัวก็ตรึงให้เขายังคงหลบอยู่ตรงนั้น เหมือนมีเชือกป่านอันใหญ่แทรกออกมาจากพื้น พันสองขาของเขาไว้แน่น ไม่มีเสียงใดๆเล็กรอดออกจากริมฝีปากบาง










นาทีนั้นเด็กหนุ่มแทบจะลืมวิธีหายใจ มีดที่กำลังจะเชือดเข้าที่กลางอกของคนรัก ปลายแปลมที่กระทบแสงรำไรที่ลอดเข้ามาในที่แห่งนี้ ราวกับมาเพื่อเป็นพยานในการจบชีวิตของใครคนใดคนหนึ่ง เขาได้แต่ขอพรกับพระเจ้าว่าอย่าเพิ่งพรากเอาคนที่เขารักจากไปเร็วนัก









หากแต่เด็กหนุ่มคงลืมที่จะขอพรเพื่อพี่ชายของตน









เมื่อปลายแหลมแทงทะลุอกของหวังจุนไค








ในนาทีแห่งชีวิตเขาก็รู้สึกตัวและได้สติ สองขาพาร่างของตนออกมาจากที่หลบภัยชั่วคราว วิ่งไปยังร่างของพี่ชายที่กำลังหายใจรวยริน ถึงแม้ว่าเขากับพี่จะไม่ค่อยเป็นพี่น้องที่รักกันมากนัก ถึงแม้บางครั้งเราชอบทะเลาะกันแรงๆเวลาแย่งของกัน หรือบางครั้งที่เขาแอบสาปแช่งเวลาที่พี่ทำลายข้าวของตอนที่เมากลับบ้าน แต่สายใยความเป็นพี่น้อง ก็ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกผิดจนต้องหลั่งน้ำตาออกมา









พี่ชายจะไม่กลับมาแล้ว









พี่ชายกำลังชดใช้ในสิ่งที่เขาทำกับลูซี่








พี่ชายได้จากไปแล้ว












Hey, tears all fall the same
We all feel the rain
We can't change 


















"หวังหยวน" คนที่ยังอยู่อีกคน ณ ที่แห่งนี้ส่งเสียงมาพร้อมกับมือที่ยังสั่นเทาไม่หยุด มือแกร่งที่มีรอยสักตัว W วางลงบนไหล่ของเด็กหนุ่ม เขาช้อนตามองเจ้าของมือนั่น สายตาเต็มไปด้วยคำถามมากมายในหัว หากแต่ระบบประมวลผลไม่สามารถสั่งการได้ในตอนนี้











"มันเป็นอุบัติเหตุ พี่แค่ป้องกันตัว" ร่างสูงพูดอย่างหนักแน่น ไม่ใช่ข้อแก้ตัว ไม่เลยสักนิด เขาไม่ได้อยากทำให้มันตาย เพียงแต่ว่าถ้าไม่ป้องกันตัวเอง คนที่นอนจมกองเลือดอยู่คงไม่พ้นเขาแน่ จุนไคเหมือนหมาบ้า ตั้งแต่เรื่องของลูซี่ที่เงียบไปเพราะเขาตัดสินใจว่าไม่เอาความ ถ้าครั้งนี้ไม่จบมันก็จะมีครั้งต่อๆไป เหว่ยถิงขอคิดแบบเห็นแก่ตัว ว่าให้มันตายไป จะไม่ได้ทำร้ายใครเขาได้อีก หากแต่ยอดดวงใจของเขาที่กำลังร้องไห้ตัวสั่นเทาอย่างลูกนกคงไม่เข้าใจ และไม่พร้อมจะรับอะไรในตอนนี้มากนัก










"ผมเห็นทุกอย่างแล้ว แต่ก็อดเศร้าไม่ได้ ถ้าเกิดเป็นพี่ที่นอนอยู่ตรงนี้แทนผมคงไม่อยากอยู่บนโลกนี้แล้ว"






เคยมีบางคนบอกว่าความรักทำให้คนเห็นแก่ตัว หวังหยวนไม่เคยเชื่อเลยจนกระทั่งตอนนี้ เขาเชื่อแล้วว่าคนเราเห็นแก่ตัวได้สุดๆถ้าเป็นเรื่องความรัก ร่างเล็กปาดน้ำตาและลุกขึ้นยืน คนตัวสูงกว่ารวบเอาเขาเข้าไปกอดไว้ แน่นจนเหมือนว่าถ้าปล่อยแล้วตัวเขาจะสลายไป







"หนีไปด้วยกันนะ"







"..."







"ที่ไหนก็ได้ที่มีแค่เรา ที่ๆเราไม่ต้องหลบซ่อนความรักของเราอีก"









"..."








"ไปด้วยกันนะ คนดีของพี่"


















Everywhere we go we're looking for the sun
Nowhere to grow old, we're always on the run
They say we'll rot in Hell, but I don't think we will
They've branded us enough, "Outlaws of Love"
















_________________________________________________________________________

















Scars make us who we are
Hearts and homes are broken, broken
Far, we could go so far
With our minds wide open, open













สามปีแล้วที่เขาจากบ้านมา บ้านที่เคยเป็นบ้าน ถึงมันจะไม่ได้อบอุ่นเหมือนบ้านคนอื่นๆนัก แต่มันก็เคยเป็นที่ๆเรียกได้ว่าบ้าน เขาเลือกหันหลังให้ทุกสิ่งอย่างในชีวิตที่เคยมี เพื่อผู้ชายเพียงคนเดียวที่เขารัก ชายอายุมากกว่าที่เป็นศัตรูของพี่ชาย ผู้ที่สอนให้เขาได้รู้จักความรัก เซ็กส์ และการทรยศหักหลัง










พวกเขาเลือกที่จะลืมอดีต ลืมไปว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างเมื่อสามปีก่อน หนีมาไกลจนไม่มีใครตามหาเจอ ด้วยเงินติดกระเป๋าที่มีอยู่น้อยนิด มายังเมืองเล็กๆที่แสนห่างไกล บ้านหลังเล็กๆที่แทบจะเรียกว่ารังแทนบ้านด้วยซ้ำ ไม่มีสิ่งอำนวยความสำดวกใดๆ ทุกวันคืนที่ผ่านไปไม่ได้ยากลำบากแลกกับการที่พวกเขาได้อยู่ด้วยกัน คนนอกคอกสองคน กับความรักนอกคอก เลือกแล้วว่าจะมีกันตลอดไป











ความรักให้ทั้งสุขและทุกข์ พวกเขาได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างเต็มที่ ทั้งกลางวันและกลางคืน บางครั้งก็นำมาซึ่งความเจ็บปวด แต่ก็สุขได้มากเท่าที่อยากจะสุข ชีวิตเต็มไปด้วยเรื่องน่าค้นหา เด็กหนุ่มที่แสนขี้ขลาดในวันนั้นเปลี่ยนไปไม่เหลือเค้าเดิม ไม่มีอะไรที่จะเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว








นรกที่อยู่ในใจก็คงใส่กลอนปิดตาย











ถ้านี่คือความทรมาน ก็คงเป็นความทรมานที่แสนจะมีความสุข














Everywhere we go we're looking for the sun
Nowhere to grow old, we're always on the run
They say we'll rot in Hell, but I don't think we will
They've branded us enough, "Outlaws of Love"

















_____________________________________________________








มาแบบงงๆ จบแบบงงๆด้วย ๕๕๕๕ คือฟังเพลงแล้วฮีตค่ะ ไม่มีสาระอะไร 
แท็กรวมเรื่องสั้นใช้ #ฟิคfxxg นะคะอยากรู้ว่าชอบกันไหม ด่าก็ได้ค่ะแต่อย่าแรง 



#ฟิคfxxg







วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

sf : จักรยานสีแดง 3/? #ถิงหยวน




Title : จักรยานสีแดง
Pairing : ถิง<3หยวน (และหยางเฟิงเล็กๆ)
Author : Silencenight


ลูกผู้ชายคนที่เผลอทำของหล่นหายระหว่างทาง



"เฮีย สอบปลายภาคปีนี้ตั้งใจอ่านหนังสือใหญ่ กลัวซ้ำชั้นอีกอ่ะดี๊" อยู่ๆหยางหยางก็เปิดประเด็นขึ้นมาระหว่างที่ไอ้สองแสบมาติวหนังสือกันที่บ้านผม ช่วงนี้มาสิงอยู่ที่นี่สักพักแล้ว เพราะใกล้ช่วงสอบปลายภาค เด็กม.หกอย่างพวกเรา(?) ก็ต้องตั้งใจอ่านหนังสือกันหน่อย


ใช่แล้วครับ ตอนนี้ผมได้เรียนม.หกเป็นรอบที่สาม หลังจากซ้ำชั้นไปสองรอบ เลยได้เรียนห้องเดียวกันกับหยางหยางและอี้เฟิง




"ซ้ำชั้นพ่องงงง ที่กูเรียนมอหกหลายรอบเพราะรอพวกมึงหรอก" ตอบแบบนี้ไปเป็นรอบที่ล้าน แต่ก็รู้ดีแก่ใจลึกๆว่าเป็นเพราะความไม่เอาไหนของตัวเอง ติดเล่น ติดเพื่อน คิดว่าตัวเองเก่งจะรอด แต่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่รอด การเรียนมันอาศัยโชคไม่ได้ โชคชะตาไม่เคยเข้าข้างคนไม่มีความตั้งใจ

การที่ผมเป็นคนไม่เอาไหนแบบนี้ ก็เหมือนเป็นตัวอย่างที่แย่ๆให้กับน้องๆมัน ช่วงก่อนหน้านี้ผมแทบจะสูญเสียความนับถือในตัวเอง แต่ก็เป็นเพราะกำลังใจจากทุกๆคนเลยลุกขึ้นมาได้ ผมคิดแค่ว่าจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง จะไม่ทำให้คุณนายต้องร้องไห้เพราะความเกเรของผมอีกแล้ว


"ขี้โม้ เฮียนี่มันขี้โม้จริงๆ" โอ้อ้วนยกปากกาขึ้นมาชี้หน้าล้อเลียน



"อย่ามัวแต่มาล้อกู พวกมึงมาเคลียร์เรื่องมึงสองคนดีกว่า ที่เขาลือว่าคบกันนี่มันยังไง แล้วทำไมกูไม่เห็นรู้เรื่อง"



นั่นไง พอเข้าตัวก็เงียบเลย ไอ้อ้วนยิ้มค้างอยู่ก็หุบปากฉับ ทำเป็นไม่ได้ยิน ผมจึงหันไปเอาคำตอบกับหยางหยางที่ตอนนี้มันเปลี่ยนโหมดไปอ่านการ์ตูนแล้ว ข่าวนี้ข่าวล่ามาแรงประจำห้องเราเลย เนื่องด้วยผมบังเอิญเดินผ่านชะนีในห้องกำลังจับกลุ่มคุยกันเรื่องสองสมุนเดินจับมือกัน ผมนี่ขึ้นเลย ทำไมกูตกข่าววววว


"ก็ตามนั้นอ่ะ ไม่มีอะไรจะแก้ต.... อั่ก" พูดไม่ทันจบประโยคดีก็มีหมอนลอยมาจากมือที่มองไม่เห็น



"มึงหยุดเลยอ้วน"


"ง่ะ"



"ตั้งแต่เมื่อไหร่"




"ก็สองเดือนกว่าแล้ว" ไอ้อ้วนตอบแบบไม่ยอมเงยหน้ามามองผม




"ดีมาก ปิดกูมาได้ตั้งสองเดือน แถมกูรู้จากคนอื่นอีก เจริญล่ะพวกมึง" เลือกใช้เสียงโทนน้อยใจ จริงๆไม่มีอะไรหรอกแค่อยากเสือก ฮ่าๆ "ใช่สิเฮียคนนี้มันไม่สำคัญ"



"โอ๋เฮีย ไม่น้อยใจดี ก็มันไม่มีโอกาสจะบอกนี่นาาา" อี้เฟิงเขยิบมาใกล้ๆพร้อมทั้งเอาสองแขนมากอดผมไว้ สภาพเหมือนลูกลิงไม่มีผิด



"น้อยๆหน่อยครับ แฟนคุณมึงนั่งอยู่ตรงนี้ครับ" เสียงจากไอ้หน้าขาว(ตั้งชื่อให้ใหม่เพราะมันบังอาจมาเป็นแฟนกับไอ้อ้วนโดยไม่ขออนุญาต) เดี๋ยวนี้ข้ามหน้าข้ามตาลูกพี่่แล้วยังจะเสือกหึงเหรอมึง




"พอ ๆ พวกมึงมีความสุขก็ดีแล้ว กูดีใจด้วย"




"เออเฮีย ช่วงนี้หยวนหยวนหายไปไหนอ่ะ ไม่ค่อยได้เจอเลย" ไอ้อ้วนผละออกกลับไปนั่งที่เดิมแล้วถามถึงคนตัวเล็กที่มักจะมาเล่นด้วยกันบ่อยๆ น้องชายของหมู่บ้าน หวังหยวน


"ช่วงนี้เห็นว่าเรียนพิเศษ นี่เฮียก็ไม่ได้เจอน้องหลายวันแล้ว"





พอพูดถึงน้องก็รู้สึกวูบโหวงแปลกๆ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอกัน ผมเองก็หนักช่วงนี้ เหมือนมีเรื่องผ่านเข้ามาตลอด น้องก็กำลังโต มีสังคมของตัวเองไม่อยากให้น้องมายึดติดกับพวกผมมากนัก แต่พอห่างกัน มันก็อดคิดถึงไม่ได้ ห่วงก็ห่วง น้องจะเข้ากับเพื่อนได้ไหม ไปเรียนพิเศษเข้าใจรึเปล่า(มึซ้ำชั้นสอครั้งยังจะกล้าห่วงน้องเขา) กินข้าวได้ไหม ไม่สบายรึเปล่า คำถามพวกนี้วนอยู่ในหัวแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมง






"โหหหห นี่มันวีดีโอเกมมาริโอ้นี่นา"

"อยากได้ก็เอาไปดิ"

"ได้เหรอเฮีย"

"อือ เบื่อแล้ว"

"ยังดูใหม่ๆอยู่เลย ขอบคุณมากน๊า เฮียน่ารักที่สุดในโลกเลย"









.
.
"หวังหยวน แอบไปปั่นจักรยานเล่นทั้งที่การบ้านยังไม่เสร็จอีกแล้วใช่ไหม มานี่เลย"

"คุณน้าครับ อย่าลงโทษน้องเลย ผมเป็นคนชวนน้องไปเอง"

"เหว่ยถิงไม่ต้องมารับผิดแทน เด็กไม่ดีต้องถูกลงโทษ"

"ม๊าอย่าตีหนูเลยนะ"




.
.
"ฮือ .. ฮือออ"

"มานี่สิคนดี ไหนเจ็บตรงไหน"
"ฮือออ เฮียม๊าไม่รักผมใช่ไหม"
"ไม่หรอก ม๊าตีเราเพราะรักเรานะ"
"คนที่รักเราทำไมทำให้เราเจ็บล่ะ"
"เพราะเราไม่ยอมเชื่อฟังเขาไง แต่ครั้งนี้หยวนหยวนไม่ผิดหรอกเฮียผิดเองที่ชวนเราออกไป"
"ผมรักเฮียที่สุดเลย เฮียจะไม่ทำให้ผมเจ็บใช่ไหม"

...




*ลูกผู้ชายที่สอบมหาลัยติด*



เคยมีคนบอกว่าพออายุเรามากขึ้น ความรับผิดชอบก็ต้องมากขึ้นตาม ตอนนี้ผมเชื่อแล้ววว่ามันเป็นแบบนั้น แม้ผมจะเคยเสียเวลาทิ้งไปฟรีๆ ถึงสองปี แต่อดีตก็คืออดีต เราแก้ไขอะไรมันไม่ได้แล้ว มีแค่วันนี้กับพรุ่งนี้เท่านั้น ที่ผมสัญญากับตัวเองว่ามันต้องไม่เป็นแบบเมื่อวาน โชคดีที่เราทั้งสามคนสอบติดมหาลัยเดียวกัน ดูท่าว่าต้องอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตล่ะมั้ง พวกเราตกลงกันว่าจะย้ายไปอยู่หอพัก ผมตกลงเรื่องนี้กับคุณนายแล้ว ท่านไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่บอกว่าให้ตั้งใจเรียนและดูแลตัวเอง



แต่กับคนตัวเล็กข้างหน้านี่สิ จะบอกยังไง


หลังจากเตรียมคำพูดมาหลายวัน พอเจอตัวแล้วก็ดันลืมคำพูดตัวเองไปหมด เอาวะ ก็บอกไปตรงๆไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวเลย



"หยวนหยวน มีเรื่องจะบอก"

"ครับ" เด็กน้อยละสายตาจากขนมในมือหันมาฟัง


"เฮียสอบติดแล้ว จะย้ายไปอยู่หอพักกับอี้เฟิงหยางหยาง"



"ไม่ไปได้ไหม ก็อยู่บ้านแล้วไปเรียนตอนเช้าเอาก็ได้นี่"


"มันไม่เหมือนกันนี่ อีกอย่างมันไกลบ้านด้วย เฮียไปกลับไม่ไหวหรอก" ผมเห็นว่าน้องเบือนหน้าหนีไปทันทีที่ฟังประโยคนั้นจบ ส่วนตัวก็เข้าใจดีว่าน้องติดผมมาก แต่ไม่ได้คิดว่าจะมากขนาดไม่อยากห่างกัน
"ทำไมต้องไปเรียนกันไกลๆด้วย พอเฮียไปแล้วเฮียจะได้กลับมาอีกไหม"

"กลับสิ ก็บ้านเฮียอยู่นี่จะกลับมาบ่อยๆเลย"

"พอไปแล้วเฮียก็จะมีเพื่อนใหม่เยอะๆใช่ไหม"หวังหยวนยกมือปาดน้ำตาที่ผมยังไม่ทันมีโอกาสได้เห็น "แล้วเฮียก็จะต้องลืมผมแน่"
มันเป็นน้ำตาแบบไหนกัน แค่น้อยใจหรือมีอะไรอย่างอื่นแฝงไว้ ผมไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองไปมากกว่านี้ น้องคงแค่รู้สึกว่าจะไม่ได้เจอพี่ชายของเขาทุกวันอีก

"ไม่ลืมหรอก ใครจะไปลืมกัน" ผมเลือกที่จะรั้งตัวน้องเข้ามากอดไว้ ตอนนี้น้องโตขึ้นกว่าวันแรกที่เราเจอกันมาก ผมยังคงจำแก้มขาวๆ ดวงตาหวานฉ่ำแบบนี้ได้ขึ้นใจ เด็กน้อยก็ยังคงเป็นเด็กน้อยคนเดิม แต่ตอนนี้ตัวเขาสูงเกือบจะเท่าอกผมอยู่แล้ว เด็กทารกในวันนั้น กลายเป็นเด็กประถมหน้าตาน่ารักน่าชังในวันนี้ อดปลื้มใจไม่ได้ พอรู้สึกว่าตัวเองก็มีส่วนช่วยดูแลให้คนๆนึงเติบโตมาได้จนถึงขนาดนี้



ผมสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นตรงบริเวณที่ดวงหน้าขาวซบอยู่ น้องร้องไห้ออกมา ร้องเหมือนตอนที่เขาเป็นเพียงเด็กทารก เหมือนตอนที่วิ่งแล้วหกล้ม ร้องเหมือนตอนที่โดนแม่ตีครั้งแรก สองมือเล็กกำชายเสื้อผมไว้แน่น


"ผมเจ็บจัง ตอนนี้เฮียไม่ได้ตีผมสักนิด แต่ทำไมมันเจ็บจังล่ะครับ แค่คิดว่าจะไม่ได้เจอกันอีก มันก็เจ็บแปลกๆ"





"ฟังเฮียนะ อีกแค่ไม่กี่ปีเอง ครั้งนี่เฮียต้องไป เพื่อที่จะกลับมาอย่างเข้มแข็ง เป็นลูกผู้ชายที่จะดูแลทุกคนในหมู่บ้านเราให้ได้ไง หยวนหยวนคนดี เข้าใจเฮียใช่ไหม" ศีรษะของเด็กน้อยขยับขึ้นลงอย่างเข้าใจ แต่ผมก็รู้ว่าเขาคงยังไม่เข้าใจมันทั้งหมด แต่ก็หวังว่าเขาจะเข้าใจเมื่อเขาโตขึ้น

คนเรามีเหตุผลมากมาย วันนี้เราอาจจะยังไม่เข้าใจ แต่พอผ่านเวลา ผ่านโลกไป เราจะเข้าใจและมองเห็นอะไรได้ชัดเจนขึ้น ผมไม่อยากให้น้องเป็นแบบผมเมื่อก่อน ไม่อยากให้น้องเป็นเด็กอ่อนแอที่มีแต่คนเอาใจ ผมเชื่อว่าเขาจะสามารถเติบโตเป็นเด็กหนุ่มที่เข้มแข็งได้ในสักวัน



ส่วนเรื่องความรู้สึกอะไรบางอย่างที่มันเติบโตขึ้นในใจผม แล้วมันก็คงเกิดมาสักพักแล้ว เพียงแต่ผมเลือกที่จะมองข้ามมันไป พอถึงวันที่ทั้งผมและน้องพร้อม เราจะกลับมาคุยเรื่องนี้กันอีกครั้ง




ด้วยคำสัญญาจากลูกผู้ชาย







________________________________________________
เฮียเท่ที่สุดในใจหนูเสมอข่ะ
แง๊จบมั้ย ๆ

#จักรยานถิงหยวน