วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2559

[os] Silhouette - #ถิงหยวน




















เรื่องนี้เป็นตอนต่อจาก Outlaws of Love นะคะ เผื่อใครยังไม่เคยอ่าน >> [os] Outlaws of Love - #ถิงหยวน
















I'm tired of waking up in tears
'Cause I can't put to bed these phobias and fears
I'm new to this grief I can't explain
But I'm no stranger to the heartache and the pain







ร้อน






ทำไมมันร้อนแบบนี้




ทางที่เดินอยู่แปลกไปจากทุกวัน เขากำลังเดินอยู่ที่ไหนสักที่ มันร้อน และกว้าขวางสุดลูกหูลูกตา รอบกายไม่มีใครเลย ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดนอกจากตัวเองสองขายังคงก้าวเดินไปเรื่อยๆ หากแต่ตอบตัวเองไม่ได้ว่าจะไปไหน หวังหยวนจำได้ว่าตลอดทั้งชีวิตของเขาไม่เคยมาเยือนที่แห่งนี้ จิตใต้สำนึกบอกเขาว่านี่คือความฝัน ใช่..เขากำลังฝัน แต่ฝันนี้มันทรมาณเหลือเกิน สองขาที่เหนื่อยล้าจากการเดินทางไกล ลำคอที่แห้งผาก





จะออกจากฝันนี้ยังไง นั่นคือคำถาม





ในขณะที่กำลังสับสนวุ่นวายอยู่นั้น เขาสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างกำลังพุ่งตรงมาทางเขา บางอย่างที่เขาเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร รู้แต่เพียงว่ามันน่ากลัว น่ากลัวมาก สมองสั่งให้สองขาเริ่มขยับอีกครั้ง หากแต่ไม่ใช่การเดินอย่างไร้จุดหมายอย่างคราวก่อน ตอนนี้เขากำลังวิ่ง วิ่งหนีให้ไกลเจ้าสิ่งน่ากลัวนั้นอย่างสุดชีวิต





ช่วยด้วย






เหว่ยถิงช่วยผมด้วย






"ช่วยด้วย!!"









"หวังหยวน" ร่างสูงสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงร้องและการดิ้นอย่างรุนแรงของคนที่นอนอยู่บนเตียงอีกฝั่ง หวังหยวนยังไม่ลืมตาด้วยซ้ำ แต่เขาเห็นว่าบนใบหน้าคนรักมีทั้งน้ำตาและเหงื่อที่ผุดพรายตามไรผมและกรอบหน้า สองมือเล็กกำผ้าห่มแน่น เขาพยายามแกะมือเล็กๆนั่นออกและพยายามปลุกให้หวังหยวนตื่นจากความฝัน







"ฝันร้ายอีกแล้วเหรอ"








"ฮึก.... " ทันทีที่ได้สติร่างเล็กก็โผเข้ากอดคนข้างๆกาย คนข้างๆเพียงคนเดียวที่เขาเหลืออยู่ เขาแทบจะบรรยายความกลัวออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลย เขาเอาแต่สะอื้นซบหน้าลงกับเสื้อนอนของคนรักและปล่อยให้น้ำตาไหลอยู่แบบนั้น








"ไม่เป็นไรนะ มันแค่ฝัน"








"..."










"ฝันร้ายจะกลายเป็นดีนะ รู้ไหม" ฝ่ามือหยาบกร้านคู่นั้นที่อบอุ่นอยู่เสมอลูบหลังเพื่อปลอบประโลม

















The fire I began is burning me alive
But I know better than to leave and let it die












ตลอดทั้งคืนนั้นเหว่ยถิงได้แต่ปล่อยให้แขนตัวเองชาไปข้างหนึ่ง เพื่อแลกกับการที่เด็กน้อยของเขาจะไม่ฝันร้ายอีก


















"พี่ครับ ผมได้งานแล้วนะ"











"หืม งานเหรอ งานอะไร"









"งานทำความสะอาดบ้าน บ้านหลังใหญ่ๆตรงเนินเขานั่นไง พอดีเขาขาดคนทำความสะอาดผมน่าจะทำได้"









ก็จริงอยู่ที่อดีตของหวังหยวนไม่เคยทำงานบ้านเอง แต่พอพวกเขา'หนี'มา เด็กน้อยในวันนั้นเติบโตขึ้นมาก เขาทำอะไรได้ด้วยตัวเองหลายอย่าง เขาควรที่จะช่วยทำงานนอกบ้านบ้าง ไม่ใช่อยู่แต่ในบ้าน ลำพังงานในอู่ซ่อมรถของเหว่ยถิงอาจทำให้เราไม่พอกินบ้างในบางเดือน











"จะไหวเหรอ"












"ไหวสิ งานง่ายๆ ไม่ได้ทำตลอดทั้งวัน ให้ผมไปทำนะ"












"อืม ดูแลตัวเองด้วยละัน อย่าไปทำข้าวของเขาเสียหายล่ะ ไม่มีเงินใช้นะจะบอก"














"พี่อ่ะ!! ผมไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ"









มื้อเช้าในวันนั้นก็จบลงด้วยเสียงหัวเราะอันสดใส





























หวังหยวนใช้เวลาสิบห้านาทีในการเดินเท้ามายังบ้านสองชั้นหลังใหญ่ หรือที่คนแถวนี้เรียกกันว่าบ้านเนินเขา เพราะมันตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวบริเวณเนินเขา พื้นที่สีเขียวกว้างใหญ่ หากแต่ไม่มีใครเคยได้พบกับเจ้าของบ้านนี้ ป้าที่รับเขาเข้าทำงานคือหัวหน้าแม่บ้านของบ้านนี้ อันที่จริงจะเรียกว่าหัวหน้าแม่บ้านก็คงจะไม่ถูกนัก เพราะในบ้านไม่มีคนอื่น ป้าหลินบอกว่าเจ้านายของพวกเราใช้บ้านนี้เป็นบ้านพักตากอากาศ นานๆจะมาที ป้าหลินเป็นคนเก่าคนแก่ของงครอบครัวนี้ จึงได้รับความไว้วางใจให้ดูแลบ้าน








"เริ่มที่ห้องนอนชั้นบนเลยนะจ๊ะ อุปกรณ์อยู่ที่ห้องเก็บของใต้บันได"









"ได้ครับ"








เขารับคำแล้วตรงไปเอาอุปกรณ์ไปทำความสะอาดตามหน้าที่ที่ได้รับ ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในบ้านหวังหยวนไม่เห็นรูปถ่ายที่น่าจะเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้เลย พอตกเย็นเมื่อทำงานเสร็จแล้วก็ได้รับเงินค่าจ้างรายวันจากป้าหลินเป็นคนเอามาให้ พร้อมกับบอกว่าอีกสามวันค่อยมาทำอีก


















I'm a silhouette asking every now and then
"Is it over yet? Will I ever feel again?"
I'm a silhouette chasing rainbows on my own
But the more I try to move on, the more I feel alone
So I watch the summer stars to lead me home















พอครบวันที่หวังหยวนต้องมาทำงานอีกครั้งเขาก็ตรงมายังบ้านหลังเดิมตั้งแต่เช้าตรู่ แต่ออกจะแปลกจากวันที่เขามาวันแรก ตรงที่โรงรถมีรถจอดอยู่ และประตูบ้านก็เปิดไว้ อย่างนี้แสดงว่าเจ้าของบ้านคงมาแล้วอย่างที่ป้าหลินบอกว่าท่านจะมา หวังหยวนเช็ดเหงื่อที่ซึมออกจากมือกับกางเกงยีนส์สีซีด เพราะตื่นเต้นว่าจะได้เจอสักทีว่าเจ้าของบ้านแสนลึกลับหลังนี้เป็นใครกันแน่










แต่ทว่า ฝันร้ายกลับกลายเป็นจริง











"พี่อี้ฝาน"










"นายมาได้ไง"









หลังจากไม่ได้พบกันมานานหลายปี อี้ฝานไม่เคยคิดว่าจะได้เจอเด็กหนุ่มลูกชายของเพื่อนแม่เขาในสภาพแบบนี้ เป็นหวังหยวนนั่นเอง แต่ไม่เหมือนเด็กน้อยสดใสร่างเริงคนนั้นอีกแล้ว เสื้อผ้าที่ใส่ก็ดูซ่อมซ่อ ไม่มีแววคุณหนูเหมือนในวัยเด็กอีก เขาพยายามเพ่งพินิจดูคนตรงหน้าอีกครั้ง แต่นั่นคือหวังหยวนไม่ผิดแน่










"เมื่อเดือนก่อน พี่กลับไปที่บ้านเก่า"







เพียงเท่านี้หวังหยวนก็รู้แล้วว่าพี่ชายคนนี้ต้องการจะพูดเรื่องอะไร สองขาของเขาเหมือนถูกตรึงไว้กับพื้น ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวหรือวิ่งหนี เสียงของพี่อี้ฝานยังคงมีพลังอยู่เสมอ เมื่อก่อนตอนเป็นเด็กที่เราวิ่งเล่นด้วยกัน แล้วมีคนมาแกล้ง พี่อี้ฝานจะเป็นคนตวาดเด็กเกเรพวกนั้นออกไป ตอนนี้ถึงพี่เขาจะไม่ได้ตวาด แต่ความน่ากลัวนั้นก็ไม่ได้น้อยไปกว่ากันเท่าไหร่นัก








"พี่เจอพ่อกับแม่นาย พวกเขาบอกว่านายหายตัวไป"









".."







"หวังหยวน บอกพี่ที นายมีเหตุผลอะไร มีเหตุผลดีๆสักข้อไหม"








"ผมไม่มีเหตุผลที่ต้องบอกพี่"








"งั้นพี่จะไม่คาดคั้น แต่กลับบ้านเถอะนะ พี่จะพานายกลับบ้าน" อี้ฝานก้าวขาไปข้างหน้า แต่หวังหยวนก็ก้าวถอยหลัง








"ผมไม่มีหน้ากลับไปที่นั่นได้อีกแล้ว ผมทำให้ทุกคนเสียใจ"








"ทุกคนพร้อมจะให้อภัยนาย เชื่อพี่สิ"







"ผมขอเวลาสามวัน แล้วผมจะกลับมาให้คำตอบพี่"










__________________________________________







แต่งแล้วก็ไหลไปเรื่อยๆ เดี๋ยวจะมีต่ออีกนะคะ


มาโหวตกันว่าอีกสามวันอยากให้น้องกลับมหาฝนไหม กลับมาแล้วจะกลับบ้านรึเปล่า โปรดติดตามตอนต่อไป...




hastag : #ฟิคfxxg




ปล.ไปฟังเพลงกันนะ silhouette - owl city









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น