วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2559

sf : จักรยานสีแดง {sp #หยางเฟิง }




Title : จักรยานสีแดง
Pairing : ถิง<3หยวน (และหยางเฟิงเล็กๆ)
Author : Silencenight



*ตอนนี้เป็นตอนพิเศษหยางเฟิงนะฮัฟ*










"มึงว่าอันนี้เฮียจะชอบป่ะวะ" อี้เฟิงชี้นาฬิกาดิจิตอลสีดำที่วางโชว์อยู่ พร้อมกับแรงสะกิดเบาๆทำให้ผมต้องลดสายตาจากการมองอะไรไปเรื่อยเปื่อยไปสนใจคนข้างๆ





"เอาๆไปเหอะ เฮียไม่เรื่องมากหรอก" บอกปัดอย่างไม่สนใจ มันก็จริงอย่างที่ว่า เฮียไม่ใช่คนเรื่องมาก ให้อะไรก็เห็นดีใจตลอดแหละ พวกเรามีกฎการอยู่ร่วมกันว่าต้องมีของขวัญวันเกิดให้กันทุกปี จะเป็นของที่มีราคาหรือไม่มีราคาก็ได้ เห็นจะมีก็แต่อี้เฟิงนี่แหละ เล่นใหญ่ทุกปี ตามประสาคนบ้านรวย แล้วสิ่งที่มันให้ผมปีที่แล้วคืออะไร  ฟิคเกอร์ลูฟี่ที่มีเกลื่อนเมือง ไอ้นี่สองมาตรฐาน





"ก็อยากเลือกให้ดีๆนี่หว่า แล้วมึงอ่ะ มีของจะให้เฮียยัง"







"มีแล้ว หนังใหม่ล่าสุดของรินะจังส่งตรงจากญี่ปุ่น"







"ทะลึ่ง!!!" เอ๊า อะไร เรื่องแบบนี้ผู้ชายวัยรุ่นอย่างเราต้องศึกษาไว้ไม่ใช่เหรอ มาทะลึ่งอะไร (อดีต)ไอ้อ้วนสะบัดหน้าไปบอกให้คนขายห่อนาฬิกาเรือนเมื่อครู่ให้แล้ว ไหนบอกไม่มั่นใจว่าเฮียจะชอบไหม อะไรของมัน อารมณ์ยังกะสาวน้อยแรกรุ่นอย่างงั้นแหละ













________________________________________________________________________





วันเกิดของเฮียปีนี้ตรงกับวันอาทิตย์พอดี เราไม่พิธีรีตองอะไรกันมาก ลูกผู้ชายแมนๆ เรียกมาให้ของขวัญแล้วก็แยกย้าย ให้เฮียได้ใช้เวลาวันเกิดกับครอบครัว นัดกันไว้ตอนหนึ่งทุ่ม ที่สนามเด็กเล่นในหมู่บ้าน แต่ตอนนี้ยังไม่มีวี่แววว่าเจ้าของวันเกิดจะมาซักที อี้เฟิงนั่งชิงช้าตัวข้างๆผม ขาก็แกว่งชิงช้าไป แต่มือสองข้างกอดกล่องของขวัญแน่น อยู่ด้วยกันตั้งแต่เล็กจนโต ผมสังเกตได้ว่าคนข้างๆมีอาการแปลกๆไป ดูกระวนกระวายมาซักพักแล้ว แต่ก็ยังไม่สบโอกาสถามว่าเป็นอะไร








ความสัมพันธ์ของพวกเราสามคน .. ไม่สิ ตอนนี้เพิ่มน้องหวังหยวนมาอีกคนเเป็นสี่ เฮียพาน้องมาเล่นกับพวกเราบ่อย ๆ ตอนที่เรายังเป็นเด็กเกรียนกันอยู่ แต่พอโตแล้วก็เหมือนมีอันต้องห่างกันไป ชีวิตนักเรียนมัธยมทำให้เราต้องตั้งใจเรียนขึ้นไปอีกขั้น แต่ก็ยังคงกินข้าวด้วยกันทุกวันเหมือนเดิม สำหรับผมกับอี้เฟิงยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง เพราะเรียนอยู่ห้องเดียวกัน แต่กับเฮียเหมือนมันมีช่องว่างระหว่างเรามากขึ้น เพราะเรียนกันคนละชั้น แล้วเขาก็ต้องดูแลหวังหยวนด้วย เฮียบอกว่ามันคือหน้าที่ของลูกผู้ชาย










เลยเวลานัดมายี่สิบห้านาทีแล้ว








เฮียยังไม่มา







"เราควรโทรตามเฮียไหมอ่ะ นี่ทำไมมาสายจัง" เสียงนั้นเจือความหงุดหงิดเล็กๆจนผมสัมผัสได้







"เดี๋ยวคงมาแหละ รออีกนิดดิ"






"แต่เฮียไม่ใช่คนชอบมาสายนะ"









Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrr


"เออเฮียโทรมาแล้วรับก่อน"




"เฮียว่าไง"




[หยางหยาง วันนี้กูไปหาพวกมึงไม่ได้แล้วว่ะ คือหวังหยวนไม่สบายอ่ะ น้าลี่อิงไม่อยู่ ขอโทษด้วยนะ]





"แล้วของ.."



[ก็เดี๋ยวเจอกันวันจันทร์ค่อยให้ก็ได้]





"โอเค ไอ้อ้วนงอนตายเลยเฮีย"





 [เดี๋ยวซื้อของกินไปง้อมันก็หายแล้ว ฝากขอโทษมันด้วย]




"โอเคบายยยยยย"





เฮียวางสายไปแล้ว ไอ้คนข้างๆผมก็ส่งสายตามีคำถามมาให้ แถมทำหน้าหมาหงอยตามสเตป





"เฮียมาไม่ได้แล้ว น้องไม่สบาย"






"อ๋อ... ผิดนัดสินะ" โห....... ผิดคาด ไม่โวยวายแฮะ







"เฮียต้องดูแลน้องอ่ะ ฝากขอโทษมาด้วย เดี๋ยวเฮียพาไปเลี้ยงหนม" ผมยืนขึ้นไปยืนตรงหน้าอี้เฟิงพร้อมกับเอื้อมมือไปขยี้ผมคนที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่บนชิงช้า






"ดีเนอะ ความรู้สึกกู ซื้อได้ด้วยขนมไม่กี่บาท"





หน้าเพื่อนสนิทเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด เป็นเพื่อนกันมาทั้งชีวิตก็ไม่เคยเห็นอี้เฟิงในมุมนี้ ปกติมันเป็นไอ้ขี้โวยวายตลอด ไม่เคยเห็นสีหน้าแบบนี้เลย






"เป็นไรเนี่ย ดูหน้าดิ ยังกะคนอกหัก"








"อกหัก..."





"..."






"เรียกว่าอกหักได้ไหมล่ะ หักตั้งแต่ยังไม่เริ่ม"  ตากลมโตตวัดขึ้นมามองหน้าผมตรงๆ จนเป็นผมเองที่เป็นฝ่ายหลบสายตา






"บ้าน่า  มึงอย่าตลกดิ"






"กูพูดจริง"







"มึงแน่ใจเหรอ นานแค่ไหนแล้ว"





ถ้าหยางหยางคนนี้ไม่ได้ตาฝาด สิ่งที่เห็นนั่นคือน้ำตาจริงๆใช่ไหม แก้มสองข้างของไอ้อ้วนมีน้ำตาเกาะอยู่ ไอ้อ้วน ที่ไม่ได้อ้วนเหมือนเมื่อก่อนแล้ว มันเริ่มลดน้ำหนักอย่างจริงจังและก็ผอมลงอย่างเห็นได้ชัด ดูดีจนน่าประหลาดใจ .. อย่าบอกว่าที่ลดความอ้วนก็เพราะ...






"ก็ซักพักแล้ว กูแค่รู้สึกว่า กูไม่อยากเดินตามหลังเขาอีกแล้ว กูแค่อยากจะได้เดินข้างๆเขา"




"..."




"แต่พอนานวันเข้า จากที่เคยเดินตาม ตอนนี้เหมือนต้องวิ่ง"





"กูไม่รู้จะปลอบใจมึงยังไง แต่กูขอบอกมึงไว้อย่าง บางทีการที่มึงยอมเดินตามหลังเขาแบบนี้ มันอาจจะดีกว่า ตรงที่มึงยังคงอยู่กับเขาไปได้ตลอด ถ้ามึงดึงดัน แม้แต่มิตรภาพ ก็คงไม่เหลือ" ผมเลือกที่จะดึงคนที่นั่งอยู่เข้ามากอดเอาไว้ กอดปลอบใจอย่างที่เพื่อนคนนึงจะสามารถทำได้ เสียงสะอื้นที่ดังอยู่ข้างหูทำให้รู้สึกเจ็บปวดอยู่ไม่น้อย เพราะผมเองก็ดูออกว่าเฮียไม่ได้ชอบอี้เฟิงในแบบนั้น อดจะสงสารคนในอ้อมกอดไม่ได้






และอีกครึ่งนึงของใจ ก็ยังสงสารตัวเองด้วย







กูไง คนที่อยู่ข้างๆมึง หันมามองบ้างสิ 















________________________________________________________________





ตึงงงงงงงงง คั่นเวลา

เคยชอบใครแล้วบอกไม่ได้ไหม เอาวะ บอกไม่ได้ก็ขอบอกเพื่อนสนิทก่อน 

วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2559

sf : จักรยานสีแดง 2/? #ถิงหยวน






Title : จักรยานสีแดง
Pairing : ถิง<3หยวน (และหยางเฟิงเล็กๆ)
Author : Silencenight





ฤดูฝนที่สิบเจ็ดของชีวิตลูกผู้ชาย





"เฮีย วันนี้เลิกเรียนไปเตะบอลกันไหม" ทันทีที่ผมนั่งลงตรงโต๊ะประจำที่โรงอาหารหยางหยางก็วิ่งมาชวนไปเตะบอล รู้งานมากไอ้ลูกน้อง ใจคอจะไม่ให้กินข้าวเที่ยงก่อนเลย





"ไม่อ่ะ วันนี้น้าลี่อิงให้เอาหยวนหยวนกลับด้วย"






"หยางมึงไม่ต้องไปชวนเฮียหรอก เฮียมีลูกรักคนใหม่แล้วนี่ ไม่สนใจพวกตกกระป๋องแบบเราหรอก" นี่ก็อีกคน ไอ้อ้วนทำหน้าตางอน อ้อ จริงๆแล้วตอนนี้ไอ้อ้วนไม่ได้อ้วนแบบตอนเด็กแล้ว โตมาเป็นหนุ่มหล่อ แต่แก้มมันยังย้อยอยู่อ่ะ ผมยังคงเรียกมันว่าไอ้อ้วนต่อไป 






"พวกมึงนี่"






ตอนนี้หยวนหยวนเพิ่งจะเข้าโรงเรียนประถมครับ โรงเรียนใกล้ๆกันนี่เองตอนเช้าน้าลี่อิงมาส่งไว้ตอนเย็นเห็นบอกว่านัดไปไหนไม่รู้กับคุณนายผมเลยต้องเอาน้องกลับบ้านด้วย กว่าสาวๆ(เหลือน้อย)จะกลับมาก็คงดึก เรื่องงานน้อยใจไอ้อ้วนนี่เป็นมาตั้งแต่สามปีที่แล้วที่ผมเริ่มไปติดอยู่บ้านท้ายซอยตลอด ก็ไปเลี้ยงน้องอ่ะ เฮียนี่ลูกผู้ชาย เลยต้องไปดูแลเด็กและสตรีไง ไอ้อ้วนนี่ไม่รู้เรื่องเลย จริงๆผมรู้ว่ามันก็ทำเป็นแซะไปงั้น พวกมันสองคนก็รักหยวนหยวนไม่น้อยไปกว่าผมหรอก 







ก็น้องมันน่ารักนี่







ยิ่งตอนหัดพูดใหม่ๆ น้องเรียงอี้เฟิงว่าเฟิงต๋าๆทั้งวัน ไอ้อ้วนนี่ดีใจจนหน้าบานเท่าจานทรู 

















----- 











ผมจอดจักรยานแถวๆหน้าโรงเรียนของหยวนหยวนเหมือนที่เคยมารับตลอด โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนประถมน้องเรียนที่นี่ตั้งแต่อนุบาล ผมกับลูกสมุนก็เคยเรียนที่นี่ เพราะใกล้บ้านที่สุดแล้ว เสียงเด็กเจี๊ยวจ๊าวเดินกันให้ว่อนยังกะมด เด็กอนุบาลจะมีผ้ากันเปื้อนสีฟ้า แต่เด็กประถมไม่ต้องใส่ผ้ากันเปื้อนแล้ว ผมเริ่มมองหาน้องเพราะนี่โรงเรียนเลิกมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว สักพักเหมือนมีคนมาสะกิดที่ไหล่







"เฮีย กลับบ้านกัน" 







"เป็นอะไรเนี่ย เสียงอ่อนมาเชียว" ผมถามแบบไม่ได้หันไปใส่ใจมองงเท่าไหร่ ขึ้นจักรยานเตรียมจะออกตัว หวังหยวนปีนขึ้นมาซ้อนท้ายได้อย่างง่ายๆด้วยขายาวๆของมัน เป็นเด็กป.1ที่ขายาวมากครับน้อง 







"ก็เพื่อนผมมันล้ออ่ะเฮีย ว่าอยู่ป.1แล้วปั่นจักรยานไม่เป็นสักที มันบอกว่าผมอ่อน" 










"อ้าว ก็ปั่นไม่เป็นจริงนี่ ฮ่าๆๆๆๆๆ เป็นลูกผู้ชายต้องยอมรับความจริงดิ"










"แต่ผมไม่อ่อนนะเฮีย ผมบอกพวกมันไปว่าอีกสองวันผมจะปั่นจักรยานไปอวดพวกมัน เฮียสอนผมหน่อยนะ ๆ ๆ ๆ" ไอ้ตัวเล็กจับชายเสื้อผมแล้วเขย่าขอร้อง เห้ยๆมึงเบาๆเดี๋ยวได้หน้าแหก 









"ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวล้มมาเจ็บอีก เฮียก็ปั่นมาส่งแกทุกวันอยู่แล้วนี่ไง"










"ถ้าเฮียไม่อยู่ล่ะ"











"ไม่ไปไหนหรอกน่า"










"ก็รับปากมันไปแล้วอ่ะเฮีย สอนผมเถอะนะ" ถึงหน้าบ้านผมพอดีครับ หยวนหยวนกระโดดลงจากจักรยานแล้วมายืนจังก้าขวางหน้าจักรยานไว้ เล่นใหญ่มาก แต่หน้านี่คือจะร้องไห้แล้ว อย่าใช้ไม้นี่บ่อยสิครับ เฮียใจอ่อน ...











สุดท้ายลูกผู้ชายก็ต้องมาค้นห้องเก็บของที่โรงรถ จำได้ว่านังแดงลูกพ่อถูกเก็บไว้ที่นี่ ผมบอกเลิกมันตั้งแต่ตอนที่รู้ว่าขายาวเกินกว่าจะขี่มันได้ ขี่ที่ไรหัวเข่าชนแฮนด์ทุกที คุณนายเลยถอยจักรยานคันใหม่ให้ นังแดงเลยต้องปลดประจำการมาอยู่ที่ห้องเก็บของ โห  แต่สภาพมันยังดีอยู่เลยเอามาปัดฝุ่นกับเปลี่ยนล้อใหม่ก็คงใช้ได้แล้ว ผมจัดการจูงจักรยานออกมาเจอหยวนหยวนนั่งรออยู่หน้าบ้านเพื่อเอาจักรยานไปซ่อม ไอ้ตัวเล็กดีใจใหญ่ ทำตาโตเหมือนหมาเห็นชิ้นเนื้อ ผมส่งจักรยานให้น้องเป็นคนจูง แต่ก็ทุลักทุเลน่าดูเพราะล้อมันเปื่อยมาก ไม่ได้ใช้นาน ผมเดินตามหลังไปมองเห็นน้องเซทีไรก็อดขำไม่ได้ 







จักรยานสีแดงคันแรกของพี่ ตอนนี้มันกลายเป็นจักรยานคันแรกของแกแล้วนะ






ดูแลมันดี ๆ



















-------














"อ๊ะ...."







"ซื้ด...."






"ถ้าเจ็บก็ร้อง" ผมจิ้มสำลีลงงหัวเขาหยวนหยวนแรงๆไปทีนึง กัดฟันอยู่นั่น เด็กอะไรตัวเล็กๆแต่อึดชะมัด พาไปหัดจักรยาน ล้มแล้วล้มอีกแต่ก็ยังสู้ หัดจนเริ่มปั่นเองได้ แต่สภาพนี่ไม่ต้องพูดถึงเลยครับ ถลอกปอกเปิกไปทั้งตัว จนผมทนไม่ไหวต้องลากกลับเข้าบ้านมาทายา เลือดไหลออกจากหัวเข่าด้วย ถ้าเป็นผมตอนเด็กนี่กลับมาบ้านสภาพนี้คุณนายมีตีอ่ะ










"ก็เฮียสอนว่าลูกผู้ชายห้ามร้องไห้ไง"











"ก็ร้องได้ ไม่ได้ห้าม แล้วก็จำไว้เป็นบทเรียนด้วย ถ้าประมาทเราจะเจ็บตัว"








"ครับ"











"รู้ไหมทำไมทีแรกเฮียไม่อยากสอนให้แกปั่นจักรยาน"








"เฮียบอกว่าล้มแล้วจะเจ็บ"










"ใช่ ไม่มีใครที่เป็นจักรยานโดยไม่ล้มหรอก"








_________________________ 



ทำไมยิ่งแต่งยิ่งไหล ๕๕๕
ถิงหยวนเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือเจอกันตอนหน้าค่ะ


ติชมและด่าได้ตามสะดวกที่  #จักรยานถิงหยวน 


วันจันทร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2559

sf : จักรยานสีแดง 1/? #ถิงหยวน



















Title : จักรยานสีแดง
Pairing : ถิง<3หยวน (และหยางเฟิงเล็กๆ)
Author : Silencenight


*คำเตือน มโนล้วนๆ มโนทุกจุด ด่าได้ แต่อย่าแรง*

"ม๊าจะไปไหนอ่ะ" ทันทีที่เห็นคว้าตะกร้าอะไรก็ไม่รู้ออกจากบ้านไปผมก็แผดเสียงลั่นบ้าน


"ไปบ้านท้ายซอย จะเอากล้วยไปฝากน้าลี่อิงเขาหน่อย"


"ไปอีกแล้วอ่ะ แล้วข้าวหนูล่ะ!!" นี่ไม่ได้เป็นคนเห็นแก่กินอะไรเลยนะ แค่แบบตื่นเช้ามาต้องกินข้าว นี่เด็กวัยกำลังกินกำลังนอน 



"อยู่ในครัว ไปหากินเอง" แล้วคุณนายก็เดินหิ้วตะกร้าพร้อมกับถือร่มลายดอกเผ่นแน่บออกจากบ้านไป โอ้โห.. ไปดูแลคนอื่นเขาปล่อยให้ลูกชายตัวเองหาข้าวกินเอง ดีจริงๆ แม่แห่งชาติ



เฉินเหว่ยถิงหนุ่มใหญ่(?)วัยสิบสองขวบ คนนี้ต้องระหกระเหินไปหาข้าวกินเองในครัว แม่เป็นแบบนี้มาพักใหญ่ๆแล้วตั้งแต่น้าลี่อิงคลอดลูก คุณนายเขาก็เห่อลูกชาวบ้านใหญ่ เอาข้าวเอาของไปฝากเขาตลอด ที่ลูกตัวเองนะ.. อย่าให้พูด ช่างเถอะ กินขาวเสร็จแล้วจะได้รีบไปดูการ์ตูนต่อ วันนี้นัดกับลูกสมุนว่าจะมาดูการ์ตูนด้วยกัน  


"เฮียคร๊าบบบบบ ผมมาแล้ว เปิดประตูหน่อย" เสียงแหกปากดังมาจากหน้าบ้าน แบบนี้ไม่ต้องสืบมือขวาผมมาแล้วครับ ผมรีบวางช้อนแล้ววิ่งไปเปิดประตูให้แขกเข้าบ้าน




"มาๆ เร็วๆเลยการ์ตูนไอ้มดดำจะฉายแล้วเนี่ย มัวทำอะไรอยู่วะหยาง"



"โห่เฮีย นี่เลย ผมรออี้เฟิงอยู่ แม่งชักช้า" หยางหยาง มีขวาคนสนิทบ่นๆแล้วก็วิ่งไปจองหน้าทีวี ส่วนอีกคนก็ยืนหน้าแหยๆเพราะรู้ตัวว่าทำให้หยางหยางมาสาย สองคนนี้เพื่อนซี้กัน แต่เกิดหลังผมสองปี เลยกลายมาเป็นสมุนมือขวาและมือซ้ายของผม


"ไงอ้วน มัวแต่ตื่นสายอ่ะดิ มานี่ๆต้องโดนทำโทษๆๆๆ"


"โอ้ย เฮียอ่ะ เจ็บๆ" โดนสำเร็จโทษด้วยการยืดแก้มไปสองข้าง ฮ่าๆๆๆๆ สะใจชะมัดเวลาได้แกล้งไอ้อ้วนเนี่ย 


เราสามคนนั่งเรียงแถวกันหน้าทีวีทุกคนเงียบสนิทมทันทีที่เพลงประจำตัวไอ้มดดำเริ่มขึ้น วันนี้ฉายถึงตอนไอ้มดดำปราบเหล่าร้ายแล้ว สู้กันมันส์หยด เออว่าแต่ ไอ้มดดำมันตายยากจังวะ ตัวร้ายวิ่งเข้ามาไม่ถึงสองวิตายเลย ไรเนี่ย ไม่หนุกเลย เฮ่อ... สงสัยผมคงจะโตเป็นหนุ่มเกินจะมานั่งดูการ์ตูนแล้วล่ะมั้ง 




"เด็กๆ เฮียว่า เราออกไปหาอะไรทำตามประสาลูกผู้ชายกันเถอะ" เมื่อการ์ตูนหมดสนุกผมก็เริ่มหาอะไรใหม่ๆทำ เจ้าสองตัวนั้นหันขวับมาพร้อมกัน แน่ะ.. อย่างกับซ้อมมาเลยพวกมึง


"กระโดดยางเหรอเฮีย โอ๊ย นี่มึงตีกูทำไมอ่ะหยาง" คนโดนตีลูบหัวตัวเองป้อยๆ

"โดดยางพี่มึงสิ เฮียเขาไม่ทำอะไรตุ๊ดๆแบบนั้นหรอก"


"ไปกินมะม่วงกัน!!"









-----




"อะไรของเฮียเนี่ย แค่อยากกินมะม่วงทำไมต้องปั่นจักรยานมาไกลขนาดนี้ด้วยอ่ะ กินที่บ้านผมก็มีนะเฮีย"





"ถ้ากินบ้านมึงก็ไม่ใช่วิถีลูกผู้ชายสิวะ อี้เฟิงมึงนอกจากอ้วนแล้วโง่ด้วยอ่ะ"





"ก็ใช่สิ มึงไม่ได้ปั่นนี่!!"





อาห์ ใช่แล้วครับ ไอ้อ้วนกำลังปั่นจักรยานโดยที่มีหยางหยางสมุนมือขวาของผมซ้อนท้ายแบบแมนๆ โดยมันให้เหตุผลว่าวันนี้อี้เฟิงตื่นสายเลยทำให้มาบ้านผมช้า เลยต้องปั่นจักรยานชดใช้ จะว่าไปหยางหยางก็ตัวผอมแห้ง ผมเห็นมันปั่นจักรยานซ้อนไอ้อ้วนไปโรงเรียนทุกวันไม่เห็นมันจะบ่นอะไร แต่ไอ้อ้วนนี่บ่นมาตั้งแต่ออกจากบ้านจนผมล่ะขี้เกียจจะฟัง






เอาล่ะ ถึงที่หมาย บ้านป้าหลี่จอมเฮี้ยบมีต้นมะม่วงอยู่กำแพงข้างบ้านเลยครับ สีกำลังน่ากินเลย ผมส่งสัญญาณให้เจ้าสองตัวช่วยกันเงียบๆเสียงเมื่อจอดรถจักรยานกันเรียบร้อย ผมจัดการเทียบจักรยานเข้าที่ข้างกำแพงแล้วปีนขึ้นไปบนอานจักรยาน เอามือจับกำแพงเพื่อทรงตัว หยางหยางก็ทำแบบเดียวกันแต่มีไอ้อ้วนคอยจับจักรยานช่วย แต่ผมเหรอ คนแมนๆเขาไม่ต้องให้ใครช่วยหรอก ฮ่ะ ๆ ยืดแขนข้ามรั้วเข้าไปเด็ดมะม่วงลูกแรกมาได้ โอ้โห ความภูมิใจลูกผู้ชายมาเต็มมากครับ




"ทำอะไรกันน่ะ" เสียงแหลมบาดแก้วหูแหวกออากาศออกมา แย่แล้ว แย่แน่ ป้าแกเห็นพวกผมแล้วครับ รีบหย่อนมะม่วงที่ตะกร้าจักรยานแล้วปีนลงด่วนๆ แต่สงสัยจะด่วนเกินไป ลูกผู้ชายลนลานเลยตกจักรยานล้มไม่เป็นท่า พอหันไปมองลูกน้อง





โน่น





เห็นแต่หลังลิบๆ ไอ้อ้วนปั่นนจักรยานเร็วสุดขีด ไม่ได้รอลูกพี่มันเลย ไอ้พวกบ้า ป้าแกวิ่งมาทางนี้แล้ว ผมรีบปัดตูดอย่างรวดเร็วพร้อมกับใส่เกียร์หมาวิ่งไปบ้านท้ายซอย เพราะใกล้กว่าวิ่งกลับบ้าน หนีไปหลบก่อนก็แล้วกัน








"ม๊าาาาาาาาาา" พอวิ่งเข้าบ้านน้าลี่อิงได้ลรีบประจบแม่ทันที





"มีอะไร เหงื่อซ่กมาเชียว ไปเล่นอะไรแผลงๆมารึเปล่าเนี่ย" นี่แม่หรือหมอดูครับ




"เปล่าจ้า นี่หนูมาดูน้องไง เห็นม๊ามาทุกวัน อยากรู้ว่าจะน่ารักแค่ไหน"




ยิ้มจนตาหยีทั้งๆที่วิ่งมาเหนื่อยจะแย่ ไม่ลืมจะยิ้มให้น้าลี่อิงที่กำลังอุ้มลูกอยู่ข้างๆแม่ด้วย เอาวะ ต้องเล่นให้ใหญ่ เอาให้สุด ผมชะโงกหน้าไปดูเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนคุณน้า






หูววววววววววววววว ขาวจัง






ปากแดง





ตาหยีด้วย








น่ารัก น่ารัก น่ารัก ในหัวมีแต่คำนี้วนอยู่ในหัว ไหนจะมือน้อยๆเท้าน้อยๆนั่นอีก









หัวใจลูกผู้ชายสั่นไหวเลยครับ







"ไงจ๊ะสาวน้อย" แปะ... อะไรเหมือนอะไรเย็นๆผ่านหัวไป อ๋อ มือคุณนายนี่เอง ตบเกรียนทำไมเนี่ย





"สาวน้อยอะไรของแก น้องเป็นผู้ชาย"




ผ... ผู้ชาย




"น้องเพิ่งสองขวบเองจ๊ะ ไม่แปลกหรอก เข้าใจผิดกันได้" น้าลี่อิงพูดอย่างอารมณ์ดี "อาถิงลองอุ้มน้องดูไหมจ๊ะ"





"ได้เหรอครับ"







"ได้สิจ๊ะ มาลองดู" 



แงงงงง มือสั่นเลยครับ จะทำลูกเขาหลุดมือไหมเนี่ย ทันทีที่น้องเข้ามาอยู่ในมือน้องก็หัวเราะใหญ่เลยครับ อะไรเนี่ย ไม่กลัวคนแปลกหน้าเลยรึไง ผมเคยอุ้มเจ้าจุนไคน้องไอ้หยางครับ ร้องไห้เหมือนผมไปแย่งนมแม่มันกิน เออ เด็กคนนี้ก็เลี้ยงง่ายดีเหมือนกัน 





"ว่าแต่น้องชื่ออะไรครับ"





"หวังหยวนจ๊ะ"





"หยวนหยวน"






เด็กผู้ชายอะไร น่ารัก เหมือนนางฟ้าเลย





แล้วเฮียจะมาเล่นด้วยใหม่นะ หยวนหยวน












//ระหว่างเดินกลับบ้าน//



"แล้วนี่เดินมาเหรอ นังแดงลูกแกไปไหนล่ะ" นังแดงที่คุณนายว่าคือจักรยานผมครับ มันสีแดง 





จักรยาน





จักรยานนนนนนนนน






กูลืมจักรยานไว้บ้านป้าหลี่ ........................



อวสานลูกผู้ชายด้วยแส้ก้านมะยมแน่ๆ ฮืออออออออออออออออออออออออ








__________________________________________________________________ 


โอ้ยมือลั่น ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕ เป็นsfนะคะ น่าจะไม่เกินสี่ตอนจบ
เดี๋ยวน้องก็โตใจเย็นๆ อ่านเล่นๆนะคะ คนแต่งเสียสติ 
ยังไม่ได้เช็คคำผิดน้อ ฝากมือใหม่หัดชิปถิงหยวนด้วยนะคะ

ไม่แจวแล้วเรือ ปั่นจักรยานกันดีกว่า 

ทวิตเตอร์แท็ก  #จักรยานถิงหยวน นะคะ

[os] ลบ #หยางเฟิง

Title : ลบ
Pairing : Yangyang x Liyifeng
Author : Silencenight
Based on  “Erase(지워)”
.
(Hello) 많이 바뀌었네 짧아진 헤어스타일도
เธอดูเปลี่ยนไปมาก ทั้งผมของเธอที่ดูสั้นขึ้น
(Hello) 짙은 화장도 딴사람 같은데
แล้วก็ที่เธอแต่งหน้าหนาๆนั้น ทำให้เธอดูเหมือนกับเป็นคนอื่น
(Hello) 이제 알아 나란 사람 네겐 의미없단걸 느껴 느껴
ฉันรู้ว่าฉันไม่มีความหมายสำหรับเธออีกแล้วตอนนี้ ฉันรู้สึกได้
.
.
หยางหยางไม่เคยรู้สึกว่าเหล้ามันรสเฝื่อนมากขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิตเกือบจะขึ้นเลขสามของเขา เขาทิ้งความเหนื่อยล้าจากการทำงาน ลูกน้องทีไม่ได้อย่างใจ ลูกค้าที่แสนจะเรื่องเยอะ มาพักผ่อนในคลับที่ชอบมาบ่อยๆ ด้วยความเครียดพอขับรถออกมาเรื่อยๆรู้ตัวอีกทีรถก็หยุดอยู่ที่จอดรถvipของคลับนี้เสียแล้ว สาเหตุแห่งความหน่ายของเขาที่เพิ่มขึ้นก็มาจากเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง เมื่อเขาพบเจอคนที่ไม่คิดว่าจะเจอ ณ ที่แห่งนี้
.
.
เขาคนนั้นไม่ชอบเที่ยว ไม่ชอบคนเยอะๆ ไม่ชอบความวุ่นวาย ไม่ชอบสถานที่แบบนี้ แต่กลับนั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ในรัศมีสายตาของเขา หยางหยางคิดหาเหตุผลมากมายมาตอบคำถามในหัวตัวเอง แต่กลับคิดได้เพียงอย่างเดียว คนๆนั้นเปลี่ยนไปแล้ว
.
.
สมองพลันนึกไปถึงเรื่องราวที่ถูกเก็บในลิ้นชักชั้นที่ลึกที่สุด ที่ไม่ได้เปิดมานานเกือบ7ปี แต่วันนี้มันกลับถูกเปิดออกง่ายๆเพียงเพราะเจอเขาคนนั้น
ไม่คิดว่าจะเจอกัน เพราะตลอดเวลากว่า7ปีหลังจากที่เดินแยกทางกันมา ก็ไม่เคยมีแม้สักครั้งที่เขาจะบังเอิญเจอ หรือได้ยินเรื่องราวของหลี่อี้เฟิงเลย คนรอบตัวเขาไม่เคยพูดถึงอี้เฟิงว่าอยู่ไหน ทำอะไร หรือเป็นยังไงบ้าง หลังจากที่เลิกกันไป ชีวิตเขาเหมือนกับไม่เคยมีคนชื่อ หลี่อี้เฟิง อยู่บนโลก หากแต่หัวใจชายหนุ่มรู้ดี และจดจำได้ทุกสิ่ง ว่าทุกอย่างมันเคยเกิดขึ้นจริงๆ
.
.
까먹겠지 뭐 다른 여자 만나면 돼
เธอลืมฉันไป ฉันก็แค่ไปเจอคนใหม่
의미 없이 또 다른 남자 만나 뻔하겠지
มันไม่มีความหมายอะไร ฉันก็แค่ไปเจอคนอื่น มันจะเป็นปกติ
잡지 못하게 yeah yeah 뒤도 돌아보지마 no way yeah
ฉันรั้งเธอไว้ไม่ได้แล้ว เพราะฉะนั้นอย่าหันหลังกลับมา
.
.
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าคมเข้ม สวมเสื้อผ้าที่แม้คนไม่เคยสนใจแฟชั่นอย่างหยางหยางก็สามารถรับรู้ถึงฐานะของคนๆนั้นได้แม้มองปราดเดียว ความแตกต่างระหว่างหนุ่มหล่อระดับนายแบบ ดูท่าจะรวยล้นฟ้า กับมนุษย์เงินเดือนโทรม ๆ ผู้ชายที่ไม่ทราบชื่อคนนั้น นั่งลงข้างๆคนที่เคยเป็นทุกอย่างของเขา เจ้าของใบหน้าเนียนสวยและตากลมโต ยิ้มให้คนๆนั้นด้วยใบหน้าแช่มชื่น แต่กับคนที่ลอบมองคนสองคนนั้นเงียบๆอย่างหยางหยางกับรู้สึกปวดใจจนไม่อาจทนมองภาพนั้นได้ มือเรียวคว้าเอาแก้วใบเล็กที่อยู่ตรงหน้ามากระดกดื่มรวดเดียวจนหมด
.
.
ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันในตอนนั้น พี่คงลืมไปหมดแล้วสินะ
.
* 난 그렇게 좋은 사람이 아냐
ฉันไม่ใช่คนดีแบบนั้น
너무 어렵게 생각하지는 말아 no
อย่าไปคิดให้มันยากมากมาย
착한 척
อย่าแกล้งทำเป็นคนดี
우린 원래 그런 사랑 don’t say yeah
ความรักของเรานั้น อย่าได้พูดออกไปเลย
.
.
“เมอรี่คริสต์มาสเจ้าเด็กโง่หยางหยาง” กล่องของขวัญใบใหญ่ถูกยื่นให้แก่คนที่เพิ่งจะเปิดประตูกลับเข้ามาในบ้าน



          “เอ๋ ? วันนี้25แล้วเหรอครับ” คนโดนเซอไพรซ์ยังคงทำหน้ามึนๆพร้อมกับยื่นมือไปรับกล่องของขวัญจากคนรักที่ยืนยิ้มกว้างตรงหน้า จากนั้นเขาก็โดนมือเล็กๆนั่นดันให้เดินมาจนถึงโซฟาในห้องรับแขกก่อนจะถูกฉุดให้นั่งลงข้างๆกัน


          “บื้อจริงๆด้วยสินะ ทำงานจนลืมวันลืมคืนแล้วเหรอเนี่ย”




          “ขอเปิดตอนนี้เลยได้ไหมครับ”




          “แกะเลยๆ” ตอนนี้อี้เฟิงแทบจะเอื้อมมือไปแกะของขวัญตรงหน้าแทนหยางหยางเสียเอง เพราะเขาอยากเห็นว่าอีกคนจะชอบของขวัญที่เขาทำให้รึเปล่า



          หลังจากแกะของขวัญอย่างระมัดระวังอยู่นาน เจ้าผ้าพันคอไหมพรมสีแดงสดก็มาอยู่ในมือของหยางหยางแล้ว ผ้าพันคอที่อี้เฟิงแอบถักเวลาที่เขาไม่อยู่บ้าน ก็ถึงว่า ช่วงนี้ชอบทำตัวลึกลับ เขาแอบยิ้มน้อยๆกับความน่ารักที่อยู่ในตัวคนรัก ถึงแม้ว่าอี้เฟิงจะอายุมากกว่า แต่ถ้าไม่บอกคงไม่มีใครมองออก ใบหน้าที่ดูสวยไร้ที่ตินั้นที่สะกดให้หยางหยางหลงไหลมานาน ตั้งแต่สมัยเรียนมอปลาย แต่ก็ไม่เคยกล้า จนวันสุดท้ายของการเรียนม.ปลายของอี้เฟิงมาถึงเขาจึงไม่อยากเสียอี้เฟิงไป หยางหยางจำได้ว่าคำสารภาพรักของเขานั้นแสนจะเรียบง่าย แต่อี้เฟิงก็ตอบรับและบอกว่าเขาเองก็มีใจที่ตรงกัน


.

          ชีวิตรักที่แสนจะเรียบง่ายของคนทั้งสองดำเนินมาเป็นเวลาเกือบจะเข้าปีที่ห้า อี้เฟิงดูแลแทบจะทุกอย่างในบ้าน เขาไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากออกไปทำงาน และดูเหมือนว่าจะโหมงานหนักเสียจนโดนคนรักดุเอาบ่อยๆ แต่ทำไงได้ในเมื่อเขาแทบไม่มีอะไรเลย เขาอยากจะสร้างอนาคตร่วมกับคนที่เขารักจึงต้องทำงานจนหามรุ่งหามค่ำเพื่อการเลื่อนตำแหน่งและเงินเดือนที่เพิ่มขึ้น


.

          “ขอบคุณนะครับ ขอบคุณที่ยังอยู่กับผม ปีนี้ผมก็ไม่มีของขวัญให้พี่อีกแล้ว ขอโทษนะ”


ความรู้สึกผิดที่ส่งผ่านกระแสเสียงของคนรักทำให้จินอูโอบกอดซึงยูนเอาไว้ เขาเพียงพูดแค่ประโยคสั้นๆเหมือนนางเอกละครน้ำเน่าชอบพูดกันเท่านั้น  “หยางหยางคือของขวัญที่ดีที่สุดของเฟิงเฟิงเลยนะ”
.
.
“ของขวัญ”งั้นหรือ ของขวัญเก่าๆไร้ราคา พี่คงไม่คิดจะสนใจมันแล้วใช่ไหม
** 널 사랑한걸 지워 (지워) you
ฉันจะลบความรักที่มีต่อเธอออกไป
니 전화번호 지워 (지워) 모르게
ฉันจะลบเบอร์โทรศัพท์เธอออกไป
우린 안돼 no no
เรากลับไปเป็นแบบนั้นไม่ได้อีก
원래 그런 사이 yeah yeah oh
แบบเดิมที่เราเคยเป็นมาตลอด
.
.
ผมเคยคิดว่าผมลืมได้ ลืมไปแล้ว แต่วันนี้ผมเพิ่งรู้จริงๆว่าไม่สามารถจะลืมพี่ได้เลย
매번 같은 말 지긋지긋해 babe
ฉันเหนื่อยทุกครั้งที่ต้องพูดแต่คำเดิมๆ
우린 갈수록 가벼워졌잖아
เราสองคนเริ่มห่างออกไป
이제 알아 나란 사람 더 의미없단걸 느껴
ฉันรู้ว่าฉันไม่มีความหมายสำหรับเธออีกแล้วตอนนี้ ฉันรู้สึกได้
.
.
อี้เฟิงกำลังสะกดอารมณ์ของตัวเองอย่างถึงที่สุด เมื่อเขามองเห็นคนเคยรักเดินเข้ามาในคลับ แต่ก็ต้องทำเป็นไม่เห็น และบอกกับตัวเองว่าทุกอย่างเป็นเพียงอดีต หากเขาพลาด เขาอาจจะต้องเจ็บปวดอีก เมื่อ7ปีก่อนเขาเคยอยู่ในจุดที่เรียกว่าสุขที่สุดในชีวิต เพราะมีคนที่เขารักอยู่ข้างๆ แต่ไม่นานก็กลับต้องทุกข์ที่สุด เขาเคยเป็นคนโชคดี แต่โชคชะตาก็เล่นตลกให้เขากลายเป็นคนโชคร้าย เมื่อเขาพบว่าสิ่งที่เคยเป็นความรักมันกลับเป็นความว่างเปล่า
เขาไม่เคยต้องการเงินทองมากมาย ไม่ได้ต้องการบ้านหลังโต หรือรถสปอร์ตหรูหรา ตามสมัยนิยม แต่เขาต้องการเพียงคนรัก ที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างเขาเท่านั้น คนรักที่แทบจะไม่มีเวลาคุยกันเนื่องจากหยางหยางโหมงานหนัก เขาใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเพียงลำพัง เวลาที่พบเจอกันก็มีแต่ถ้อยคำเดิมๆที่ถามไถ่เพียงแต่ว่าสบายดีไหม เพียงแค่พอได้เตือนตัวเองว่ายังมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในบ้านหลังนี้ร่วมกัน อ้อมกอดที่เคยกอดเขาไว้ในคืนที่ฝันร้าย กลับมีเพียงแต่ความว่างเปล่า เมื่อเขาก็ทำได้แค่นอนมองแผ่นหลังของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักอยู่ทุกค่ำคืน โดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้
ลางร้ายเข้ามาเตือนอี้เฟิงก็เมื่อตอนที่หยางหยางเริ่มออกไปค้างนอกบ้านบ่อยขึ้น อี้เฟิงไม่ใช่คนขี้ระแวง แต่มันไม่มีเหตุผลที่เขาจะไม่กลับบ้าน ในเมื่อเขาก็เคยเป็นคนสม่ำเสมอมาตลอด คนที่อยู่ด้วยกันทุกวันทำไมจะไม่รู้ว่าใจอีกคนนั้นเปลี่ยนไป
หลี่อี้เฟิงเป็นคนเห็นแก่ตัวในเรื่องความรัก คนรักของเขา เขาจะไม่ขอใช้ร่วมกับใคร เขาตัดสินใจถามเรื่องนี้กับหยางหยางตรงๆ อีกคนก็กลับยอมรับมาตรงๆเช่นกัน เขาบอกว่าคนๆนั้นชื่อ “หวังหยวน” เป็นรุ่นน้องในที่ทำงาน แต่เขาไม่คิดจะจริงจัง เขาบอกว่าขอโอกาสแก้ตัว จะเลิกกับหวังหยวนอย่างเด็ดขาด
และอี้เฟิงก็เชื่อในคำสัญญานั้น
.
.
แต่ตลกร้ายเมื่อเขาพบว่าหลังจากนั้นทั้งสองคนก็ยังติดต่อกันอยู่ โดยมักจะอ้างเรื่องงานเสมอๆ
สุดท้ายวันแตกหักก็มาถึง เมื่อวันเกิดของเขาอยู่ๆหยางหยางก็หุนหันพันแล่นออกจากบ้านไป เขาจำไม่ได้แล้วว่าตอนนั้นร้องไห้ไปมากมายแค่ไหน รู้แค่เพียงว่าพอหยิบกระเป๋าใส่ของได้ ก็ตัดสินใจจะเดินออกมาทันที ทั้งบ้านหลังนั้น และชีวิตของหยางหยาง
นายให้ของขวัญวันเกิดที่แสนล้ำค่าจนแทบลืมไม่ลงเลย..
.
.
* 난 그렇게 좋은 사람이 아냐
ฉันไม่ใช่คนดีแบบนั้น
너무 어렵게 생각하지는 말아
อย่าไปคิดให้มันยากมากมาย
착한
อย่าแกล้งทำเป็นคนดี
우린 원래 그런 사랑 don’t say yeah
ความรักของเรานั้น อย่าได้พูดออกไปเลย
หยางหยางไม่คิดแม้แต่จะเข้าไปทักทายอดีตคนรัก เพราะเขารู้ตัวดีว่าเขาผิด และไม่มีสิทธิ์จะไปยุ่งวุ่นวายอะไรอีกแล้ว เขาจำได้วันที่หวังหยวนเข้าโรงพยาบาลเพราะพยายามฆ่าตัวตาย บอกว่าอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขา ความรักให้หวังหยวนมันไม่ได้แม้เศษเสี้ยวของความรักเขาที่มีต่ออี้เฟิง เขาเพียงแต่รู้สึกสงสารหวังหยวนที่กำลังอยู่บนความเป็นความตายเท่านั้น แต่ความพลั้งพลาดในครั้งแรก ก็ทำให้มีครั้งสอง จนเขาเริ่มเสพติดรสชาติของการทำบาป จนสุดท้ายแล้วเขาเองนั่นแหละที่เป็นคนที่เสียใจ
.
.
เพราะพออี้เฟิงเดินจากไป เขาก็เพิ่งจะรู้ว่า กรรมตามสนองมันเป็นยังไง
** 널 사랑한걸 지워 (지워) you
ฉันจะลบความรักที่มีต่อเธอออกไป
니 전화번호 지워 (지워) 모르게
ฉันจะลบเบอร์โทรศัพท์เธอออกไป
우린 안돼 no no
เรากลับไปเป็นแบบนั้นไม่ได้อีก
원래 그런 사이
แบบเดิมที่เราเคยเป็นมาตลอด
อี้เฟิงชวนเหว่ยถิงกลับเมื่อเริ่มรู้ตัวว่าเขาจะเมาแล้ว เวลาไม่กี่ชั่วโมงแต่ดูเหมือนว่าสมองเขาทำงานหนักเกินไป จากการคิดถึงเรื่องบ้าๆที่ผ่านไปนานแล้ว  เขารู้ดีว่ามันผิดที่กลับไปคิดถึงคนๆนั้น ในเมื่อตอนนี้ เขามีคนที่แสนดีอย่างเฉินเหว่ยถิงอยู่แล้วทั้งคน
เรื่องของอดีต ก็คงต้องปล่อยให้เป็นอดีต
(Bye bye) 몰래 널 따라 걷다
ฉันแอบเดินตามหลังเธอไป
까마득한 니 뒷모습에
เธอเดินหายไปในความมืด
멀어질수록 더 니가 생각나
เธอเดินห่างออกไป ฉันคิดถึงเธอมากขึ้น
나도 모르게 why 니가 자꾸 그리워 bye
ฉันไม่รู้ว่าทำไม ฉันยังคงคิดถึงเธอ
.
.
>THE END<
.