วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2559

sf : จักรยานสีแดง {sp #หยางเฟิง }




Title : จักรยานสีแดง
Pairing : ถิง<3หยวน (และหยางเฟิงเล็กๆ)
Author : Silencenight



*ตอนนี้เป็นตอนพิเศษหยางเฟิงนะฮัฟ*










"มึงว่าอันนี้เฮียจะชอบป่ะวะ" อี้เฟิงชี้นาฬิกาดิจิตอลสีดำที่วางโชว์อยู่ พร้อมกับแรงสะกิดเบาๆทำให้ผมต้องลดสายตาจากการมองอะไรไปเรื่อยเปื่อยไปสนใจคนข้างๆ





"เอาๆไปเหอะ เฮียไม่เรื่องมากหรอก" บอกปัดอย่างไม่สนใจ มันก็จริงอย่างที่ว่า เฮียไม่ใช่คนเรื่องมาก ให้อะไรก็เห็นดีใจตลอดแหละ พวกเรามีกฎการอยู่ร่วมกันว่าต้องมีของขวัญวันเกิดให้กันทุกปี จะเป็นของที่มีราคาหรือไม่มีราคาก็ได้ เห็นจะมีก็แต่อี้เฟิงนี่แหละ เล่นใหญ่ทุกปี ตามประสาคนบ้านรวย แล้วสิ่งที่มันให้ผมปีที่แล้วคืออะไร  ฟิคเกอร์ลูฟี่ที่มีเกลื่อนเมือง ไอ้นี่สองมาตรฐาน





"ก็อยากเลือกให้ดีๆนี่หว่า แล้วมึงอ่ะ มีของจะให้เฮียยัง"







"มีแล้ว หนังใหม่ล่าสุดของรินะจังส่งตรงจากญี่ปุ่น"







"ทะลึ่ง!!!" เอ๊า อะไร เรื่องแบบนี้ผู้ชายวัยรุ่นอย่างเราต้องศึกษาไว้ไม่ใช่เหรอ มาทะลึ่งอะไร (อดีต)ไอ้อ้วนสะบัดหน้าไปบอกให้คนขายห่อนาฬิกาเรือนเมื่อครู่ให้แล้ว ไหนบอกไม่มั่นใจว่าเฮียจะชอบไหม อะไรของมัน อารมณ์ยังกะสาวน้อยแรกรุ่นอย่างงั้นแหละ













________________________________________________________________________





วันเกิดของเฮียปีนี้ตรงกับวันอาทิตย์พอดี เราไม่พิธีรีตองอะไรกันมาก ลูกผู้ชายแมนๆ เรียกมาให้ของขวัญแล้วก็แยกย้าย ให้เฮียได้ใช้เวลาวันเกิดกับครอบครัว นัดกันไว้ตอนหนึ่งทุ่ม ที่สนามเด็กเล่นในหมู่บ้าน แต่ตอนนี้ยังไม่มีวี่แววว่าเจ้าของวันเกิดจะมาซักที อี้เฟิงนั่งชิงช้าตัวข้างๆผม ขาก็แกว่งชิงช้าไป แต่มือสองข้างกอดกล่องของขวัญแน่น อยู่ด้วยกันตั้งแต่เล็กจนโต ผมสังเกตได้ว่าคนข้างๆมีอาการแปลกๆไป ดูกระวนกระวายมาซักพักแล้ว แต่ก็ยังไม่สบโอกาสถามว่าเป็นอะไร








ความสัมพันธ์ของพวกเราสามคน .. ไม่สิ ตอนนี้เพิ่มน้องหวังหยวนมาอีกคนเเป็นสี่ เฮียพาน้องมาเล่นกับพวกเราบ่อย ๆ ตอนที่เรายังเป็นเด็กเกรียนกันอยู่ แต่พอโตแล้วก็เหมือนมีอันต้องห่างกันไป ชีวิตนักเรียนมัธยมทำให้เราต้องตั้งใจเรียนขึ้นไปอีกขั้น แต่ก็ยังคงกินข้าวด้วยกันทุกวันเหมือนเดิม สำหรับผมกับอี้เฟิงยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง เพราะเรียนอยู่ห้องเดียวกัน แต่กับเฮียเหมือนมันมีช่องว่างระหว่างเรามากขึ้น เพราะเรียนกันคนละชั้น แล้วเขาก็ต้องดูแลหวังหยวนด้วย เฮียบอกว่ามันคือหน้าที่ของลูกผู้ชาย










เลยเวลานัดมายี่สิบห้านาทีแล้ว








เฮียยังไม่มา







"เราควรโทรตามเฮียไหมอ่ะ นี่ทำไมมาสายจัง" เสียงนั้นเจือความหงุดหงิดเล็กๆจนผมสัมผัสได้







"เดี๋ยวคงมาแหละ รออีกนิดดิ"






"แต่เฮียไม่ใช่คนชอบมาสายนะ"









Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrr


"เออเฮียโทรมาแล้วรับก่อน"




"เฮียว่าไง"




[หยางหยาง วันนี้กูไปหาพวกมึงไม่ได้แล้วว่ะ คือหวังหยวนไม่สบายอ่ะ น้าลี่อิงไม่อยู่ ขอโทษด้วยนะ]





"แล้วของ.."



[ก็เดี๋ยวเจอกันวันจันทร์ค่อยให้ก็ได้]





"โอเค ไอ้อ้วนงอนตายเลยเฮีย"





 [เดี๋ยวซื้อของกินไปง้อมันก็หายแล้ว ฝากขอโทษมันด้วย]




"โอเคบายยยยยย"





เฮียวางสายไปแล้ว ไอ้คนข้างๆผมก็ส่งสายตามีคำถามมาให้ แถมทำหน้าหมาหงอยตามสเตป





"เฮียมาไม่ได้แล้ว น้องไม่สบาย"






"อ๋อ... ผิดนัดสินะ" โห....... ผิดคาด ไม่โวยวายแฮะ







"เฮียต้องดูแลน้องอ่ะ ฝากขอโทษมาด้วย เดี๋ยวเฮียพาไปเลี้ยงหนม" ผมยืนขึ้นไปยืนตรงหน้าอี้เฟิงพร้อมกับเอื้อมมือไปขยี้ผมคนที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่บนชิงช้า






"ดีเนอะ ความรู้สึกกู ซื้อได้ด้วยขนมไม่กี่บาท"





หน้าเพื่อนสนิทเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด เป็นเพื่อนกันมาทั้งชีวิตก็ไม่เคยเห็นอี้เฟิงในมุมนี้ ปกติมันเป็นไอ้ขี้โวยวายตลอด ไม่เคยเห็นสีหน้าแบบนี้เลย






"เป็นไรเนี่ย ดูหน้าดิ ยังกะคนอกหัก"








"อกหัก..."





"..."






"เรียกว่าอกหักได้ไหมล่ะ หักตั้งแต่ยังไม่เริ่ม"  ตากลมโตตวัดขึ้นมามองหน้าผมตรงๆ จนเป็นผมเองที่เป็นฝ่ายหลบสายตา






"บ้าน่า  มึงอย่าตลกดิ"






"กูพูดจริง"







"มึงแน่ใจเหรอ นานแค่ไหนแล้ว"





ถ้าหยางหยางคนนี้ไม่ได้ตาฝาด สิ่งที่เห็นนั่นคือน้ำตาจริงๆใช่ไหม แก้มสองข้างของไอ้อ้วนมีน้ำตาเกาะอยู่ ไอ้อ้วน ที่ไม่ได้อ้วนเหมือนเมื่อก่อนแล้ว มันเริ่มลดน้ำหนักอย่างจริงจังและก็ผอมลงอย่างเห็นได้ชัด ดูดีจนน่าประหลาดใจ .. อย่าบอกว่าที่ลดความอ้วนก็เพราะ...






"ก็ซักพักแล้ว กูแค่รู้สึกว่า กูไม่อยากเดินตามหลังเขาอีกแล้ว กูแค่อยากจะได้เดินข้างๆเขา"




"..."




"แต่พอนานวันเข้า จากที่เคยเดินตาม ตอนนี้เหมือนต้องวิ่ง"





"กูไม่รู้จะปลอบใจมึงยังไง แต่กูขอบอกมึงไว้อย่าง บางทีการที่มึงยอมเดินตามหลังเขาแบบนี้ มันอาจจะดีกว่า ตรงที่มึงยังคงอยู่กับเขาไปได้ตลอด ถ้ามึงดึงดัน แม้แต่มิตรภาพ ก็คงไม่เหลือ" ผมเลือกที่จะดึงคนที่นั่งอยู่เข้ามากอดเอาไว้ กอดปลอบใจอย่างที่เพื่อนคนนึงจะสามารถทำได้ เสียงสะอื้นที่ดังอยู่ข้างหูทำให้รู้สึกเจ็บปวดอยู่ไม่น้อย เพราะผมเองก็ดูออกว่าเฮียไม่ได้ชอบอี้เฟิงในแบบนั้น อดจะสงสารคนในอ้อมกอดไม่ได้






และอีกครึ่งนึงของใจ ก็ยังสงสารตัวเองด้วย







กูไง คนที่อยู่ข้างๆมึง หันมามองบ้างสิ 















________________________________________________________________





ตึงงงงงงงงง คั่นเวลา

เคยชอบใครแล้วบอกไม่ได้ไหม เอาวะ บอกไม่ได้ก็ขอบอกเพื่อนสนิทก่อน 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น