วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

Remembrance ch.1 - #ซัมเกรย์




























Title :  Remembrance   ch.1

Paring : Simon Dominic x Gray

Author : silenceNight

Hastag : #รมบซัมเกรย์












--------------------














ชีวิตมีพร้อมแล้วทุกอย่าง แม้แต่เงินทองก็ไร้ค่า เมื่อเทียบกับความทรงจำ













พออายุขึ้นหลักสามวันและเวลาก็พัดพาชายหนุ่มกลับสู่บ้านเกิด เคยมีคนบอกว่าคนเรา ต่อให้ไปไกลแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องกลับมาที่บ้าน สิบกว่าปีที่เขาหันหลังให้กับบ้าน ธุรกิจครอบครัว เพื่อเดินทางไปเรียนไกลถึงประเทศอังกฤษ สิบกว่าปีที่เลือกเดินในเส้นทางที่ต่างออกไป ตั้งแต่เล็กจนโต อีซองฮวา ไม่เคยสนใจกิจการของครอบครัว ทั้งๆที่ที่นี่คือสวนแพร์ที่ทำรายได้ส่งออกเป็นรายได้หลัก ทำให้ครอบครัวเขาร่ำรวยมหาศาล แต่เขาไม่เคยสนใจในเรื่องของธุรกิจ การได้เดินตามหาความฝันนั่นต่างหาก เป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับเขา เขาคิดแบบนั้นในวัยยี่สิบต้นๆ แต่จนแล้วจนรอด เมื่อต้องเสียพ่อที่เป็นเสาหลักของทุกคนไป เขาจึงตัดสินใจกลับมาสานต่อสวนแพร์อย่างถาวร ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ถนัดงานพวกนี้นัก แต่อย่างน้อยการได้กลับมาบ้าน มาเยียวยาหัวใจของคนเป็นแม่ก็ยังดี












“ลุงเข้าบ้านไปก่อนนะครับ ผมขอเดินเล่นแถวนี้ก่อน แล้วจะตามไป”














ชายหนุ่มเดินเลาะริมรั้วมายังเขตของสวนแพร์ ตอนนี้ต้นแพร์ออกดอกสะพรั่งเต็มสวน เหมือนกับมันกำลังเบ่งบานรอคอยการกลับมาของใครสักคน เขาอดคิดถึงบรรยากาศเก่าๆไม่ได้ พลางนึกในใจว่า ทำไมกันนะ ทำไมถึงได้หนีจากที่ที่สงบและสวยงามแบบนี้ไป เขาทรุดตัวลงนั่งใต้ต้นแพร์เพื่อสูดอากาศและคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ที่นี่ยังเหมือนเดิมทุกอย่างแต่ก็ไม่รู้ว่าคนบางคนจะยังเหมือนเดิมรึเปล่านะ












“ป้าจอง พี่กีซอก มีใครอยู่ไหมครับ”


















“มีใครอยู่รึเป-----



















“โวยวายอะไรฮะไอ้เปี๊ยก”













“พี่กีซอก ผมไปเที่ยวในเมืองมา ได้เทปอันใหม่มาด้วยล่ะ ฟังด้วยกัน ๆ” เด็กน้อยซองฮวาในวัยเก้าขวบชูอัลบั้ม(What's the Story) Morning Glory? ในมือ













“เพลงฝรั่ง ฟังไม่รู้เรื่องหรอก”



















“ไม่รู้เรื่องก็ฟังได้น่ามันก็เพลงเหมือนๆกัน”














เด็กน้อยอีซองฮวาลดกล่องเทปคลาสเซ็ตในมือลง หยิบเอาwalkmanคู่กายออกมา จัดการเสียบหูฟังเข้าที่หูซ้ายของตัวเองและหูขวาของกีซอกเสร็จสรรพ พลันมือน้อยๆกดเล่นเครื่องเล่นก็เล่นเพลงต่อจากที่เปิดค้างอยู่ Don’t Look Back In Anger ดังขึ้นในหูของทั้งคู่ สายตามองตรงไปข้างหน้า มีแต่ต้นแพร์ที่กำลังออกดอกเต็มสวน ทั้งคู่เพียงแค่ปล่อยให้เสียงเพลงดังอยู่อย่างนั้น ไม่มีใครพูดอะไรออกมา หาใช่ความซาบซึ้งในบทเพลงไม่ เด็กในวัยขวบ เด็กเกินกว่าจะเข้าใจเนื้อหาของเพลง












Slip inside the eye of your mind
Don't you know you might find
A better place to play
You said that you'd never been
But all the things that you've seen
Will slowly fade away













ความไร้เดียงสาทำให้เราต่างก็มึนงงกับความหมายของเพลง











So I'll start a revolution from my bed
'Cause you said the brains I had went to my head
Step outside, summertime's in bloom
Stand up beside the fireplace
Take that look from off your face
You ain't ever gonna burn my heart out








And so Sally can wait, she knows it's too late as we're walking on by
Her soul slides away, "But don't look back in anger," I heard you say















ถ้าหากรู้เร็วกว่านี้















Take me to the place where you go
Where nobody knows if it's night or day
Please don't put your life in the hands
Of a Rock 'n' Roll band
Who'll throw it all away















ก็คง . . .












ไม่เจ็บปวดถึงเพียงนี้














----------






ฝากฟิคเรื่องนี้ไว้ด้วยนะคะ เก็บไว้ในหมวดเรื่องสั้นขนาดยาว มาตอนแรกด้วยความฟิต  คอมเม้นท์ก่นด่าได้ตามใจชอบค่ะ ตามจิกหัวทวงฟิคได้ที่ #รมบซัมเกรย์




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น